ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อยกับแฟนบอล เชลซี หลังสโมสรประกาศคว้าตัว กอนซาโล่ อิกวากิน กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา จาก ยูเวนตุส ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี มาล่าตาข่ายได้สำเร็จ ซึ่งหลายๆคนมองว่าการเข้ามาของ “เอล ปิปิตาร์” นั้น จะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดของทัพ “สิงโตน้ำงเงินคราม”
อิกวากิน ประสบความสำเร็จในการย้ายจาก ยูเวนตุส มาร่วมทัพ เชลซี ด้วยสัญญายืมตัว เมื่อ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะมีออฟชั่นซื้อขาดหลังจบซีซั่นนนี้ ได้ด้วยค่าตัว 36 ล้านยูโร โดยบรรดาสื่อเมืองผู้ดีต่างคาดกันว่า ดาวเตะวัย 31 ปี จะเข้ามาเป็นกัญแจสำคัญของแท็คติก “ซาร์รี่บอล” ที่กำลังประสบวิกฤตเรื่องการยิงประตูอยู่ในขณะนี้
สัปดาห์ที่ผ่านมา ซาร์รี่ ต้องดิ้นรนอย่างหนักในการปรับสไตล์การทำทีมให้เข้ากับศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่เน้นพละกำลัง และความแข็งแกร่งเป็นหลัก โดยปัจจุบัน เชลซี ยังคงรั้งอยู่อันดับที่ 4 ในตารางคะแนน และยังคงต้องรักษาอันดับให้ติดท็อปโฟร์เพื่อไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า ส่งผลให้พวกเขาต้องเร่งปิดดีลคว้าตัว อิกวาอิน เข้ามาร่วมทีม .
อิกวาอิน จะได้เล่นตรงไหนในแดนหน้า ? นั่นเป็นคำถามที่หลานคนสงสัย เนื่องจากเจ้าตัวมักจะได้รับบทบาทลงสนามในฐานะศูนย์หน้าตัวกลางเป็นประจำ ซึ่งคาดว่า หัวหอกอาร์เจนไตน์ ก็คงจะได้รับบทบาทเดิมต่อไปในระบบของ กุนซือชาวอิตาเลี่ยน
ดูเหมือนว่า ซาร์รี่ กำลังเจอปัญหาเดียวกันกับ อันโตนิโอ คอนเต้ อดีตนายใหญ่ของ เชลซี ซึ่งเป็นคนปล่อยตัว ดิเอโก้ คอสต้า ดาวยิงทีมชาติสเปน ให้กับ แอตเลติโก มาดริด ในศึกลา ลีกา สเปน เมื่อซีซั่นก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อปีก่อน “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้คว้าตัว อัลบาโร โมราต้า จาก เรอัล มาดริด มาล่าตาข่าย ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 60 ล้านปอนด์ แต่กลายเป็นว่า โมราต้า ไม่สามารถเข้ามาแทนที่ คอสต้า ได้เลย โดยอดีตกองหน้า มาดริด ยิงให้ เชลซี รวมทุกรายการเพียง 24 ลูก เท่านั้น จาก 72 แมตช์
ล่าสุด เชลซี ก็ได้ปล่อยตัว โมราต้า ให้ แอตฯ มาดริด ยืมตัวเรียบร้อยแล้ว พร้อมออฟชั่นซื้อขาดหลังจบซีซั่นด้วยค่าตัว 49 ล้านยูโร และยังคงเก็บ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งย้ายมาจาก อาร์เซน่อล เมื่อ 6 เดือนก่อน และยิงไป 10 ลูก จาก 43 นัด นั้น ไว้เป็นตัวสำรอง
ในการคุมทัพ 7 นัดหลังสุด ซาร์รี่ เลือกใช้ เอเด็น อาซาร์ ปีกทีมชาติเบลเยี่ยม ลงเล่นในตำแหน่งฟอล์ไนน์ (กองหน้าตัวหลอก) นั่นแสดงให้เห็นว่า โค้ชชาวอิตาเลี่ยน ขาดความเชื่อมั่นในตัวกองหน้าคนอื่นๆภายในทีม
ขณะเดียวกัน การเข้ามาของ อิกวาอิน น่าจะทำให้ อาซาร์ ได้กลับไปประจำการทางริมเส้นฝั่งซ้ายตามที่ตนเองถนัด โดยมี เปโดร ปีกทีมชาติสเปน ทำเกมที่ริมเส้นฝั่งขวา ซึ่งอาจส่งผลให้แนวรุกของ เชลซี กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง
แน่นอนว่าหาก อิกวากิน โชว์ฟอร์มถล่มประตูได้ยอดเยี่ยม เชลซี คงทุบคลังคว้าเจ้าตัวมาร่วมทีมเป็นการถาวร พร้อมผนึกกำลังกับ คริสเตียน พูลิซิส ปีกดาวรุ่งทีมชาติสหรัญฯ ที่คว้าตัวมาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 58 ล้านปอนด์ ซึ่งจะมาร่วมถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในฤดูกาลหน้า
บรรดาแฟนบอล เชลซี หลายคนรอคอยการมาถึงของ ซาร์รี่ และอยากชมสไตล์การเล่นของทีมในการแข่งขันศึกพรีเมียร์ลีกด้วยความตื่นเต้น ด้วยวิธีการครอบครองบอล และโจมตีอย่างรวดเร็ว ซึ่งประสบความสำเร็จที่ นาโปลี โดย ซาร์รี่ ได้ใช้แท็คติกเหล่านี้พาลูกทีมทำคะแนนไล่บี้ ยูเวนตุส อย่างสุดมันส์ เมื่อซีซั่นก่อน
สวาก “สิงห์บลูส์” รู้ว่าพวกเขาได้รับอะไรจากกับ ซาร์รี่ และทีมก็ได้คว้าตัว จอร์จินโญ่ มิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลี จาก นาโปลี มาเสริมทัพ ด้วยค่าตัวกว่า 50 ล้านปอนด์ ซึ่ง จอร์จินโย่ เองก็ถูกคาดหวังว่าจะเข้ามาเป็นศูนย์กลางของ “ซาร์รี่บอล”
ชณะที่ เอ็นโกโล่ กองเต็ ก็ต้องเปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่ง บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ซึ่งนั่น ไม่ใช่สิ่งที่เขาคุ้นเคย แต่เขาก็ทำด้วยความเต็มใจ ในช่วงต้นซีซั่น เชลซี ภายใต้การนำทัพของ ซาร์รี่ ส่งสัญญาณเริ่มต้นว่าจะมีแนวโน้มที่ยอดเยี่ยม ด้วยผลงานไม่แพ้ใครในลีก 18 แมตช์ ติดต่อกัน และซัดไป 27 ประตู จาก 11 นัดแรก
อย่างไรก็ตาม การแพ้ต่อ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 3-1 เมื่อ พ.ย.ปีที่แล้ว ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ไม่เพียง แต่เป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกของพวกเขาเท่านั้น แต่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็ประสบความสำเร็จในการหาจุดอ่อนของ “ซาร์รี่บอล”
เกมดังกล่าว โปเช็ตติโน่ ได้ใช้ เดเล่ อัลลี คอยไล่กดดัน จอร์จินโญ่ ตรงกลางสนาม ทำให้ สเปอร์ส ครองเกมแดนกลางได้อย่างเบ็ดเสร็จ ส่งผลให้ เชลซี ไม่สามารถกระจายบอลไปยังผู้เล่นคนอื่นได้อย่างถนัด
ขณะที่ ซาร์รี่ ยังคงดื้อที่ดึงจะใช้แท็คติดเดิม ซึ่งหลายๆทีมในพรีเมียร์ลีก ก็เริ่มจับทางได้ และบรรดาผู้เล่นแนวรุกของ เชลซี ก็มีส่วนร่วมในการทำประตูต่อ 1 เกม ลดลงถึงร้อยละ 8.32 ซึ่งบรรดาแฟนบอลหวังว่า อิกวาอิน จะเข้ามาแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนจากการแข่งขันพรีเมียร์ลีกเกมล่าสุด คือ การที่ เชลซี ยังคงพยายามหาโอกาสทำประตู พวกเขามีโอกาสยิงเฉลี่ย 13 ครั้งต่อเกม และ 26 ครั้งที่เป็นโอกาสจะแจ้งในการทำประตู
อิกวาอิน เป็นกองหน้าที่สมบูรณ์แบบตลอดอาชีพของเขา ไม่ว่าที่ เรอัล มาดริด, นาโปลี หรือ ยูเวนตุส เขาซัดตาข่ายไปมากกว่า 20 ประตู ในแต่ละซีซั่น และซัดไปอีกกว่า 30 ต่อ 1 ซีซั่น ถึง 2 ครั้ง โดยดาวเตะวัย 31 ปี ขึ้นชื่อในเรื่องความจมูกไวในกรอบเขตโทษ และด้วยความสูง 6 ฟุต 1 นิ้ว ทำให้เขาเป็นตังอันตรายในการเล่นลูกกลางอากาศ
หากย้อนกลับไปเมื่อต้นของฤดูกาล 2015-16 สมัยที่เขาทำงานร่วมกับ ซาร์รี่ ที่ นาโปลี นั้น พลพรรค “อัซูร่า” ซัดไปรวมทุกรายการถึง 101 ลูก อิกวาอิน มีค่าเฉลี่ยที่ 4.25 ในการทำประตูต่อเกม และมีอัตราการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูที่ 17.3 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นแฟน เชลซี คาดหวังได้เลยว่าเขาจะซัด 1 ประตู ในทุก ๆ 5 โอกาสที่เขามีจังหวะ
อิกวากิน ได้ผ่านหนึ่งในฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดของเขาโดยทำประตูได้เพียง 8 ลูก จาก 22 นัด ในระหว่างการยืมตัวที่เอซีมิลาน แต่เจ้าตัวไม่ได้มีคนสนับสนุนโอกาสเหมือนกันที่ เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส หรือนาโปลี และเขากำลังจะได้รับโอกาสนั้นอีกครั้งที่ เชลซี
แฟน ๆ ของเชลซีที่เคยชื่นชอบความดิบของ คอสต้า กำลังจะได้กลับมาสนุกอีกครั้ง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ทำประตูที่ยอดเยี่ยมแล้ว อิกวาอิน ก็เป็นหัวหอกสไตล์ที่คอยสร้างความรำคาญ และยั่วโมโหกองหลังฝั่งตรงข้ามได้เป็นอย่างดี
กองหน้าอาร์เจนไตน์ ต้องย้ายออกจาก ยูเวนตุส เนื่องจาก “ม้าล้าย” ทุ่มเงินกว่า 100 ล้านปอนด์ ซื้อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ เรอัล มาดริด มาร่วมทีม และบรรดาบอร์ดบริหารก็บอกว่าเจ้าตัวไม่อยู่ในแผนการทำทีมอีกต่อไป
บรรดากูรูหลายสำนักต่างเชื่อว่า ซาร์รี่ จะดึงศักยภาพของ อิกวาอิน ออกมาได้อย่างเต็มที่ หลังจากที่ทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาแล้วที่ นาโปลี
“ผมพูดอะไรกับ อิกวาอิน ในช่วงพรีซีซั่น?’ ผมบอกเขาว่าเขาขี้เกียจเกินไป และถ้าเขาไม่เปลี่ยนทัศนคติของเขาเขาจะไม่กลายเป็นศูนย์หน้าตัวกลางที่ดีที่สุดในโลก”
ซาร์รี่ รู้ว่า อิกวาอิน เป็นนักเตะที่มีความละเอียดอ่อน “เขาเป็นคนหัวแข็ง แต่คุณแค่ต้องรู้วิธีจัดการกับเขา แม้แต่ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมอย่างเขาก็ต้องการคำแนะนำบางอย่างเพื่อให้เขารู้สึกราวกับว่ามีบางคนอยู่ข้างเขาเขาเป็นคนที่อ่อนไหวมาก”
“จนถึงตอนนี้เขาพยายามที่จะรักษาภาพลักษณ์ที่ไม่สอดคล้องกับตัวละครที่แท้จริงของเขา เขาไม่เพียง แต่เป็นคนที่ดีที่สุดในโลก แต่ยังเป็นคนที่มีความรู้สึกที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่หลังภาพนั้น” ซาร์รี่เคยใหม่สัมภาษณ์เมื่อปี 2015
หลังจากไม่กี่สัปดาห์ของหลังการสัมภาษณ์ของ ซาร์รี่ นาโปลี เริ่มโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม โดยแพ้เพียงครั้งเดียวในการแข่งขัน 23 เกม และพวกเขานำเป็นจ่าฝูงศึก เซเรีย อา ไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตาม ภายหลังปราชัยต่อ ยูเวนตุส 1-0 ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้ นาโปลี ต้องพลาดการคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ฟอร์มการทำประตูที่โดดเด่นของ อิกวาอิน ได้ดึงดูดความสนใจจาก ยูเวนตุส จนทำให้ทัพ “ม้าลาย” ทุบคลังกว่า 90 ล้านยูโร คว้าตัวเขาไปล่าตาข่ายเมื่อปี 2016
สิ่งที่ทำให้ อิกวาอิน ขุ่นเคืองเล็กน้อยกับก่อนจะย้ายออกจาก นาโปลี คือ เขาให้สัมภาษณ์ว่าถูก ประธานสโฒสร ออเรริโล เด รอเลนติส บังคับให้ย้ายออกจากทีมอย่างรวดเร็ว ขณะที่ ซาร์รี่ ก็ยอมรับว่าโกรธสุดๆ ที่สโมสรยอมขาย อิกวาอิน
ในที่สุดแล้วทั้ง ซาร์รี่ และ อิกวาอิน ก็ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งภายใต้สีเสื้อของ เชลซี ซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานของทั้งคู่จะพาทัพ “สิงห์บลูส์” ประสบความสำเร็จได้ไกลขนาดไหนในช่วงท้ายซีซั่นที่เหลือ